อะลูมิเนียมรีไซเคิล S-Curve ใหม่ของไทย

อลูมิเนียม รีไซเคิล เหล็ก อุตสาหกรรม คาร์บอนฟุตพริ้นท์ Carbonwize
อะลูมิเนียมรีไซเคิล S-Curve ใหม่ของไทย | Carbonwize

‘อะลูมิเนียม’ วัตถุดิบสำคัญของภาคการก่อสร้าง ยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักร และบรรุภัณฑ์ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นด้านความทนทาน น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม รวมถึงความสามารถในการถูกรีไซเคิลได้ไม่รู้จบแต่ยังรักษาคุณภาพไว้ได้คงเดิม ในปี 2020 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีการใช้งานอะลูมิเนียมทะลุ 86 ล้านตัน หรือคิดเป็นเฉลี่ย ‘วันละ 2.3 แสนตัน’ ด้านประเทศไทย แม้จะไม่มีโรงถลุงอะลูมิเนียมต้นทาง แต่ก็เป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาค ประเทศไทยมีส่งออกอะลูมิเนียมอยู่ที่ประมาณ 400,000 ตัน ในปี 2022 โดยมีการส่งออกไปยังฝั่งยุโรป 4-5% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 4,000 ล้านบาท

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ อะลูมิเนียม เหล็ก โลหะ วัสดุก่อสร้าง
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆ ที่มา : 8billiontrees.com (หน่วย ตัน CO2e/กิโลกรัม)

กระบวนการผลิตอะลูมิเนียมปลดปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูงกว่าโลหะ และวัสดุก่อสร้างหลายชนิด การผลิตอะลูมิเนียม 1 ตันทำให้เกิดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ประมาณ 8 ตัน CO2e สูงกว่าการผลิตเหล็ก 4 เท่า สูงกว่าการผลิตไม้จริง 100 เท่า อะลูมิเนียมจึงถูกจับตามองในฐานะสินค้าคาร์บอนสูง และถูกจัดเป็นหนึ่งในสินค้าตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามมาตรการ CBAM ของทั้ง US-CBAM และ EU-CBAM อันจะนำมาสู่ภาระต้นทุนทางคาร์บอนที่เพิ่มขึ้น สำหรับตลาดทางฝั่งสหรัฐ และยุโรป

ด้วยดีมานด์ที่โตแรงต่อเนื่อง แต่แฝงด้วยคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูงเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นโอกาสให้ ‘อะลูมิเนียมรีไซเคิล’ ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่าอะลูมิเนียมถลุงใหม่ แต่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่าถึง 95% กลายมาเป็นคำตอบสำหรับทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้น และภารกิจสู่ Net Zero ของนานาประเทศ และยังอาจเป็นโอกาสให้กับประเทศไทย ที่เข้มแข็งเรื่องการรีไซเคิลอะลูมิเนียมด้วย

ผลกระทบจาก CBAM ต่ออุตสาหกรรมอะลูมิเนียม

มาตรการ CBAM หรือมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนที่กำลังจะเริ่มบังคับใช้โดยสหภาพยุโรป ส่งผลกดดันให้ผู้ผลิตที่ต้องการส่งสินค้าไปยังตลาดยุโรป ต้องวางแผนปรับลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสินค้าเพื่อลดแรงกระแทกจากค่าปรับทางคาร์บอน แต่ก็ถือเป็นโอกาสให้กับกลุ่มสินค้ารีไซเคิลที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำที่จะช่วงชิงความได้เปรียบจากช่องว่างด้านค่าใช้จ่ายทางคาร์บอน ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจ เทียบระหว่างสินค้าคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูง และต่ำ เป็นดังนี้

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ อลูมิเนียม อะลูมิเนียม TGO อบก
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ อะลูมิเนียมอัลลอยอินกอต ที่มา : TGO, สยามเซอร์วิส แอนด์ คอนซัลแทนซี่

กรณีที่ 1 : ผลกระทบจาก CBAM ต่อการส่งออกอะลูมิเนียมถลุงใหม่ (Primary Aluminium)

- ‘อะลูมิเนียมอัลลอยอินกอต 1 ตัน’ สร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 1.19 ตัน CO2e
>> หากส่งออกไปยังสหภาพยุโรป 10,000 ตัน จะคิดเป็น 1.19 หมื่นตัน CO2e
-ราคาคาร์บอนของ EU-ETS (มีนาคม 2024) : ราว 60 ยูโร (2,354 บาท) ต่อตัน CO2e
>> ค่าใช้จ่ายทางคาร์บอนที่จะต้องจ่ายเพิ่ม 28 ล้านบาท
อลูมิเนียม อะลูมิเนียม รีไซเคิล คาร์บอนฟุตพริ้นท์ อบก. TGO
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ เศษกระป๋องอะลูมิเนียมรีไซเคิลอินกอต ที่มา : TGO, สยามเซอร์วิส แอนด์ คอนซัลแทนซี่

กรณีที่ 2 : ผลกระทบจาก CBAM ต่อการส่งออกอะลูมิเนียมรีไซเคิล (Secondary Aluminium)

- ‘อะลูมิเนียมอัลลอยอินกอตรีไซเคิลจากเศษกระป๋องอะลูมิเนียม 1 ตัน’ สร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 0.281 ตัน CO2e
>> หากส่งออกไปยังสหภาพยุโรป 10,000 ตัน จะคิดเป็น 2,810 ตัน CO2e
-ราคาคาร์บอนของ EU-ETS (มีนาคม 2024) : ราว 60 ยูโร (2,354 บาท) ต่อตัน CO2e
>> ค่าใช้จ่ายทางคาร์บอนที่จะต้องจ่ายเพิ่ม 6.61 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า อะลูมิเนียมรีไซเคิลซึ่งสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่า จะเสียค่าใช้จ่ายทางคาร์บอนจากมาตรการ CBAM ราว 1 ใน 4 ของที่อะลูมิเนียมถลุงใหม่ต้องจ่าย จุดเด่นของอะลูมิเนียมรีไซเคิล สำหรับทั้งฝั่งผู้ซื้อก็คือ ราคาที่ถูกกว่าแต่มีคุณภาพเทียบเท่าอะลูมิเนียมถลุงใหม่ ส่วนในฝั่งของผู้ขายนั้น ก็ช่วยลดต้นทุนด้านคาร์บอนไปได้อย่างมาก

ในมุมหนึ่ง มาตรการการจำกัดผลิตภัณฑ์คาร์บอนสูงอย่างเช่น CBAM กลายมาเป็นความท้าทายให้กับผู้ผลิตตลอดทั้งซัพพลายเชน แม้ภาคอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมประเทศไทย จะมีสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปน้อย จึงได้รับผลกระทบจาก EU-CBAM ไม่มาก แต่ตลาดส่งออกใหญ่ของอะลูมิเนียมไทยอย่างสหรัฐอเมริกา ก็เตรียมบังคับใช้นโยบาย US-CBAM ซึ่งมีสาระสำคัญใกล้เคียงกับทางฝั่งยุโรป มีจุดที่คล้ายคลึง และแตกต่างกัน ดังนี้


EU-CBAM

US-CBAM

กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย

ไฟฟ้า ซีเมนต์ ปุ๋ย เหล็กเหล็กกล้า อะลูมิเนียม

(อุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ได้แก่ การกลั่นน้ามัน สารเคมีอินทรีย์พื้นฐาน พลาสติก ไฮโดรเจน และแอมโมเนีย

ผลิตและกลั่นปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ปุ๋ย ไฮโดรเจน กรดอะดิพิก ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม กระจก เยื่อกระดาษและกระดาษ และ เอทานอล

เริ่มบังคับใช้

ปี 2023–2025 (transition period)

และให้ดาเนินการเต็มรูปแบบในปี 2026 (อยู่ระหว่างพิจารณาให้ Transition period เหลือแค่ปี 2023 - 2024)


สินค้าในประเทศ ปี 2024

สินค้านาเข้า ปี 2026


การรายงาน

Carbon Footprint ของสินค้าทางตรงและทางอ้อม (Scope 1 และ 2) โดยผู้ตรวจสอบที่ได้รับอนุญาตจาก EU Authority

Carbon Footprint ของสินค้าทางตรงและทางอ้อม (Scope 1 และ 2) โดยผู้ตรวจสอบที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

อัตราภาษี

จัดเก็บตามปริมาณ Carbon Footprint คูณด้วยค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ของราคา EU Allowances ในระบบ EU ETS (ค่าเฉลี่ยราคาวันที่ 22 – 26 ส.ค. 22 เท่ากับ 90.15 ยูโร)

จัดเก็บตามปริมาณ Carbon Footprint ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเป้าหมายในสหรัฐฯ คูณด้วยอัตราภาษีปี 2024 เท่ากับ 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในปีถัดไปเพิ่มขึ้นตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายปีบวกด้วย 5%

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง EU-CBAM และ US-CBAM ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การบังคับใช้มาตรการ CBAM อาจกลายเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจไทยที่ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล ซึ่งจะมีข้อได้เปรียบด้านภาษีคาร์บอนที่ต่ำกว่าสินค้าของคู่แข่งชาติอื่นที่ใช้อะลูมิเนียมถลุงใหม่ รวมถึงผู้ผลิตท้องถิ่นเองด้วย โดยตลาดสำคัญของอะลูมิเนียมไทยได้แก่ จีน อินเดีย เวียดนาม สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

โอกาสของ ‘อะลูมิเนียมรีไซเคิล สัญชาติไทย’

ประเทศไทยเราไม่มีเหมือง และอุตสาหกรรมถลุงแร่อะลูมิเนียม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมของไทยจึงเน้นไปที่การนำเข้าอะลูมิเนียมบริสุทธิ์จากออสเตรเลียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ปริมาณ 3-4 แสนตัน/ปี และรีไซเคิลอะลูมิเนียม ซึ่งไทยเราเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีโรงงานที่ขึ้นรูปและรีไซเคิลอะลูมิเนียมอย่างครบวงจร โดยอะลูมิเนียมราว 75% ถูกรีไซเคิลซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหมุนเวียนอยู่ในวงจรการผลิต เป็นต้นแบบของ ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ ให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ

รีไซเคิล กระป๋องอะลูมิเนียม อลูมิเนียม โรงงาน เศรษฐกิจหมุนเวียน คาร์บอนฟุตพริ้นท์
กระบวนการการรีไซเคิลอะลูมิเนียม ที่มา : สยามเซอร์วิส แอนด์ คอนซัลแทนซี่

กระบวนการการรีไซเคิลอะลูมิเนียม ที่มา : สยามเซอร์วิส แอนด์ คอนซัลแทนซี่

ลองมองไปรอบตัวของคุณในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรอบประตู หน้าต่าง กระป๋องน้ำอัดลม รถยนต์ เครื่องครัว ล้วนมีส่วนผสมของอะลูมิเนียมรีไซเคิล

ความต้องการใช้อะลูมิเนียม ณ ขณะนี้ เติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ด้วยข้อจำกัดด้านกำลังแบตเตอรี่ทำให้ต้องลดน้ำหนักโครงสร้างเพื่อให้รถวิ่งได้ไกลที่สุด จากปกติที่รถยนต์สันดาปใช้อะลูมิเนียม 20 - 30 กก. ต่อคัน รถอีวีต้องใช้อะลูมิเนียมเพิ่มเป็น 200 กก. ต่อคัน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมสีเขียว เช่นแผงโซลาร์เซลล์ และกังหันลม ที่ใช้แบตเตอรี่เพื่อกักเก็บพลังงาน ล้วนต้องใช้อะลูมิเนียมทั้งสิ้น อะลูมิเนียมจึงถือได้ว่าเป็นโลหะแห่งอนาคตควบคู่กับการเติบโตของเทคโนโลยีสีเขียวอย่างแท้จริง

จุดเด่นของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมในประเทศไทยคือแรงงานฝีมือคุณภาพสูง ค่าแรงที่ยังแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค มีอุตสาหกรรมกลางน้ำ ปลายน้ำที่ครบครัน ไม่มีอุตสาหกรรมเหมืองแร่อะลูมิเนียมที่ต้องประคับประคองในยุคของการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจะเป็นจุดแข็งทันทีในยุคที่ความต้องอะลูมิเนียมและสินค้าคาร์บอนต่ำดีดตัวขึ้น

โลหะคาร์บอนต่ำ เหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงคาร์บอนฟุตพริ้นท์
คาดการณ์ความต้องการโลหะคาร์บอนต่ำในปี 2025 และ 2030 ที่มา : Mckinsey & Company

McKinsey & Company ประเมินความต้องการการของอะลูมิเนียมคาร์บอนต่ำและอะลูมิเนียมรีไซเคิลในปี 2025 ว่าจะเป็น 41 ล้านตัน และเติบโตขึ้นเป็น 62 ล้านตันในปี 2030 สูงเกินครึ่งหนึ่งของความต้องการอะลูมิเนียมทั่วโลกในปัจจุบัน จึงเป็นโอกาสสำคัญให้อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมรีไซเคิลไทยเข้าไปเติมเต็ม

ความท้าทายของอะลูมิเนียมรีไซเคิลไทย

แม้อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทยจะมีอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมกลางน้ำ ปลายน้ำที่ค่อนข้างครบครัน รวมถึงธุรกิจรีไซเคิลที่แข็งแกร่งระดับภูมิภาค แต่ความท้าทายต้องจับตามองได้แก่

สถานการณ์อะลูมิเนียมโลก

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสองตลาดอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้อย่างสหรัฐ และจีน กระทบตลาดอะลูมิเนียมไทยทั้งขาเข้า และขาออก โดยปัญหาซัพพลายล้นตลาดจากประเทศจีน ทะลักเข้ามาสู่ประเทศไทยในราคาต่ำ ตัดราคาอะลูมิเนียมในประเทศ และมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของสหรัฐ กระทบการนำเข้าอะลูมิเนียมจากประเทศไทย ประกอบกับการเพิ่มกำลังการผลิตจนเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ทำให้ปัจจุบัน ประเทศไทยประสบปัญหาการผลิตหดตัว

ไม่เพียงเท่านั้น แม้โครงสร้างพื้นฐานการรีไซเคิลอะลูมิเนียมในไทยจะเด่นกว่าในภภูมิภาค แต่กลับประสบปัญหา ‘เศษอะลูมิเนียมรั่วไหล’ เพราะถูกส่งออกไปยังเกาหลีและจีน จนไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ต้องนำเข้าเศษอะลูมิเนียมจากกัมพูชา สหรัฐ อังกฤษ และประเทศอื่น หากมองไปยังเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและมาเลเซีย สองประเทศนี้ได้ใช้มาตรการกำแพงภาษีส่งเศษอะลูมิเนียมเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุดิบที่สามารถรีไซเคิลได้เหล่านี้ไหลไปยังประเทศอื่น

ความเสี่ยงจากการเร่งผลิตอะลูมิเนียมรีไซเคิลในประเทศคู่แข่ง

ในตอนนี้ ไทยยังถือว่ามีความได้เปรียบเรื่องการผลิตสินค้าอะลูมิเนียมจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล บวกกับต้นทุนที่ถูกลงเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว แต่ในอนาคตที่ความต้องการอะลูมิเนียมคาร์บอนต่ำและอะลูมิเนียมรีไซเคิลถีบตัวสูงขึ้น มีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศส่งออกอะลูมิเนียมอื่นๆ จะหันไปเร่งการผลิตอะลูมิเนียมจากอะลูมิเนียมรีไซเคิลเช่นเดียวกัน

จุดเด่นที่จะทำให้ไทยเหนือกว่าประเทศผู้ส่งออกอะลูมิเนียมรายอื่นได้ คือ การเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการแยกเศษโลหะ และเทคโนโลยีการรีไซเคิลในประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการรีไซเคิลอะลูมิเนียมให้ถูกลง โดยอีกภาคอุตสาหกรรมที่ต้องพัฒนาควบคู่กันไปคือ ภาคการผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งจะยิ่งช่วยลดการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกระบวนการรีไซเคิลลงไปอีก เกิดเป็นผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำพิเศษ ในราคาที่แข่งขันได้กับประเทศอื่น

รีไซเคิลอะลูมิเนียม โรงงาน อัลลอย คาร์บอนฟุตพริ้นท์
เครื่องคัดแยกเศษอะลูมิเนียมอัลลอยด้วย X-ray ที่มา : Steinert

ดังเช่นนวัตกรรมการแยกเศษโลหะด้วยระบบเซนเซอร์ X-ray ของบริษัท Steinert ในเยอรมนี ที่ใช้ระบบอัตโนมัติในการแยกอะลูมิเนียมอัลลอยประเภทต่างๆ และโลหะชนิดต่างๆ ออกจากเศษโลหะที่รวมกันมาจากต้นทาง ทำให้การรีไซเคิลมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้โลหะรีไซเคิลที่มีความบริสุทธิ์สูงขึ้นเมื่อนำไปหลอมใหม่ ลดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยก

เตรียมความพร้อมสู่ธุรกิจในยุคคาร์บอนต่ำ

ภาคอะลูมิเนียมไทยสามารถเปลี่ยน ‘จุดแข็ง’ ที่มีให้กลายเป็น ‘จุดขาย’ ได้ ผ่านตัวเลข ‘คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP)’ และ ‘คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO)’ ดังจะเห็นได้ว่า การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกกำลังจะกลายเป็นหนึ่งต้นทุนสำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจต้องตัดสินใจเลือกซัพพลายเออร์รายที่ทั้งมีคุณภาพดี ราคาที่แข่งขันได้ และสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำด้วย

อะลูมิเนียม อลูมิเนียม คาร์บอนต่ำ อบก. TGO ข้อมูล
ฐานข้อมูล CFP ของผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ที่มา : TGO

การเตรียมข้อมูลการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละขั้นตอนของกิจกรรมทางธุรกิจ สำหรับส่งต่อให้กับซัพพลายเออร์ในขั้นต่อไป อำนวยความสะดวกด้วยแพลทฟอร์มจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่าง Carbonwize เตรียมพร้อมสำหรับการขอรับรองมาตรฐานทั้งในไทย และระดับสากล อาทิ การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (TGO) การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (TGO) การรับรองมาตรฐาน ISO 14064 และ ISO 14067

ข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ลูกค้าบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนทางคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อมูลสำคัญในการประเมิณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเอง โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ที่ต้องเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งซัพพลายเชน เพื่อมารายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และนำมาวางแผนพัฒนาซัพพลายเชนให้สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

[ดูรายชื่อผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมที่ได้รับการรับรอง CFP จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ได้ที่นี่ ]

ธุรกิจอะลูมิเนียมไทยเป็นกรณีศึกษาที่ดีของธุรกิจที่กำลังเผชิญทั้งโอกาสและอุปสรรคใหม่จากการบังคับใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจต้องปรับตัวให้ล้อไปกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในยุคที่การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกต้องหดตัวลง ผลิตภัณฑ์อย่าง ‘อะลูมิเนียมรีไซเคิล’ จะเป็นตัวพลิกเกมสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทยยยังคงเติบโตตามความต้องการใหม่ๆ ของโลกได้

แล้วธุรกิจที่คุณทำอยู่ถูกผลกระทบจากนโยบายสีเขียวของประเทศหรือของนานาชาติหรือไม่ และสินค้าหรือวิธีการทำธุรกิจแบบใหม่ที่จะกลายเป็นทางรอดของธุรกิจของคุณในยุคแห่งความยั่งยืนคืออะไร?

เกี่ยวกับคาร์บอนไวซ์

Carbonwize เป็น One-stop service ให้บริการการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ การบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม บริการแพลทฟอร์มติดตามก๊าซเรือนกระจก และบริการจัดหาผู้ทวนสอบในระดับประเทศและอินเตอร์เนชันแนล Carbonwize ไม่เพียงช่วยติดตามและจัดทำรายงานตามมาตรฐานด้วยระบบอัตโนมัติ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้อีกด้วย


ที่มา : ประชาชาติ, เดลินิวส์, Recycling Magazine, TGO, Al Circle, ฐานเศรษฐกิจ, 8 Billion Trees, McKinsey, WEF